เมื่อได้สอบไฟนอลตัวสุดท้ายที่เราเรียน ณ ที่แห่งนี้..

จบด้วยหน่วยกิต 151 หน่วย #เยอะไปนะ

ชีวิตอีกลูปหนึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้น…

ก่อนที่จะเริ่มเรื่องปัจจุบัน เราก็มาย้อนความหลังกันหน่อยดีกว่า 😀

คงพูดถึง ความรู้สึก มากกว่าเนื้อหาอื่นๆละกัน

ช่วงที่รู้ว่าตัวเองสอบติด

รู้สึกดีใจที่ได้เข้าคณะที่ตัวเองใฝ่ฝันตั้งแต่ ม.ต้น ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากเขียนบอทเกมเป็น #ติดเกมนะเรา แต่ความรู้สึกนี้มันดีใจตรงที่ว่า เราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่น้อยคนมากจะเข้าจุฬาฯ เพราะโดยธรรมชาติ เด็กต่างจังหวัดจะไม่อยากเข้าจุฬาฯด้วยเหตุผลที่ว่า เข้ายาก เรียนยาก มีแต่คนเก่งๆ สูงส่ง อย่าเข้าเลย เป็นต้น ผมเองก็ไม่ได้เก่งมาก เน้นอาศัยอ่านหนังสือเยอะ จัดเวลาอ่านหนังสือ แล้วมีเป้าหมายเดียว คือต้องได้ที่นี่ เท่านั้น! ซึ่งมันเสี่ยง แต่พอได้แล้วก็ภูมิที่ตัวเองทำเพื่อตัวเอง 🙂

มาไหว้เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเข้าจริงๆหน่อย

คุณแม่ผู้เป็นกำลังใจสำคัญครับ ^^

ก่อนเข้า ปี 1 เป็นช่วงที่หาที่พักใน กทม. ยากมากๆ + เพิ่งเคยเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอย่างจริงจัง
ก็เลยต้องหาหอในของจุฬาฯ แต่ก็มีนิสัยนอนติดแอร์ จึงต้องมาอยู่ หอในเอกชน หรือ U-center
รู้สึกห้องแคบและอึดอัดมาก แล้วยังอยู่ 4 คนต่อห้องอีก แต่ก็ไม่มีทางเลือกครับ  5555+

เข้าปีหนึ่ง

ช่วงแรกๆ รู้สึกว่าจุฬาฯไม่ได้ไกลเกินเอื้อม ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คนต่างจังหวัดอย่างเราคิดไว้ เพื่อนใหม่ๆที่รู้จัก มักจะมีความเก่งสักอย่างหนึ่ง ถึงเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ส่วนคนที่เก่ง ก็จะเก่งทุกอย่างจริงๆ ซึ่งทำใจตั้งแต่เข้าแล้วว่าต้องเจอคนประเภทนี้แน่นอน #ซึ่งนับว่าดี #ดูดความรู้เพื่อน 

กิจกรรมในมหาลัยฯ ก็มีให้เลือกเข้าร่วมมากมาย อยู่ที่เราเองแล่ะ จะเข้าร่วมรึเปล่า เนื่องจาก เราอยู่หอในอยู่แล้ว ก็เลยเข้ากิจกรรมทุกอย่าง นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ควรจะมีในมหาลัยฯบ้าง

เตะบอลภาคฯครั้งแรกตอนปี 1 #ทั้งๆที่เล่นไม่ค่อยเป็น ฮ่าๆ

ปีสองและปีสาม

เริ่มให้ความสำคัญกับการเรียนมากขึ้น เพราะต้องเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่เราจะไม่เคยเรียนมาก่อน การเข้าร่วมกิจกรรมรู้สึกน้อยลง ไม่มีเวลาให้กับสิ่งอื่นนอกจากการเรียน หรืออาจเป็นเพราะแบ่งเวลาไม่ค่อยเป็นก็ไม่รู้ #อ่าวซะงั้น #กำลังเพลินไง

โดยเฉพาะพวกวิชาบังคับที่ต้องเจอแล้วเราไม่ค่อยชอบ โดยเฉพาะชีววิทยาที่ยังไงก็ทำได้ไม่ดีจริงๆ นอกนั้นก็พอไปรอดได้ จะเป็นวิชาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เช่น Linear, Math Model, Numerical Analysis, Discrete Mathematics #แต่ก็ยังแย่กว่าวิชาคอมอยู่ดี

ส่วนวิชาเลือกเสรี ก็มีลงบ้างประปราย ส่วนใหญ่มองหาวิชาที่รุ่นพี่บอกว่า เอง่ายๆ #ง่ายจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ #ลองลงดูเองเลยดีกว่า

ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงที่รู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ *-*

ปีสุดท้าย

เริ่มมีเวลาว่างมากขึ้น ก็จะเริ่มเรียนวิชาเลือกที่เราอยากเรียน ลงวิชาเต้นลีลาศ, วิชาธุรกิจเบื้องต้น, วิชาพัฒนาการความเป็นผู้นำ, วิชาถ่ายรูป, วิชาคีย์บอร์ด #ที่เล่นแบบเปียโนนะ #ไม่ใช่คีย์บอร์ดคอม, วิชาดนตรีคลาสสิค ไม่นึกว่า จะมีวิชาที่เราอยากเรียนเยอะขนาดนี้ 55555+ ซึ่งนับว่าบางวิชามันรู้สึกคุ้มค่าที่ลงไปมากๆ ถือว่ามีความรู้รอบเรื่องทั่วไปมากๆขึ้นเลยล่ะ

โดยเฉพาะวิชาธุรกิจเบื้องต้นของคณะบัญชีฯ ที่รู้สึกว่าอาจารย์สอนได้ยิ่งกว่าเบื้องต้นซะอีก หรือว่าวิชาพัฒนาการความเป็นผู้นำ ก็สอนเรื่องบุคลิกภาพต่างๆแถมมาด้วยมากมาย หรือวิชาดนตรีคลาสสิคที่วันๆก็ได้ไปนั่งฟังเพลงคลาสสิคเพลินๆ ให้อารมณ์สุนทรีกับเรามากมาย แถมยังให้ไปฟังคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคทำรายงานวิจารณ์ซะด้วย โดยรวมชอบช่วงปีสี่มากที่สุดแล้ว 😀

<< รูปนี้เป็นหนึ่งในวิชาถ่ายรูปที่ อาจารย์ผู้สอนอยากให้เราส่งงานเรื่อง การปรับ Speed shutter ให้เร็วๆ ก็ถ่ายกับเพื่อนขำๆ ไป อิอิ *-*

Friends & Community

เรื่องเพื่อนในมหาลัยฯ จะต่างจากเพื่อนในสมัย ม.ปลายนิดหน่อย เราเริ่มมีหลายกลุ่มมากขึ้น

เพื่อนในสาขาคอมฯ

เพื่อนในภาคฯ มีทั้งสนิทและไม่สนิท แต่ชอบเพื่อนกลุ่มนี้มากสุด เพราะอยู่มาด้วยกันนานที่สุดในช่วงเวลามหาลัยฯ ได้พูดคุยเรื่องที่ชอบเหมือนๆกัน #ถึงแม้จะมีบางคนเข้ามาเพราะไม่ชอบคอมก็เถอะ ได้ไปเที่ยว กิน เรียน ด้วยกันบ่อยๆ มีหัวหน้าชั้นปีและคนเก่งๆที่ไม่กั๊กความรู้คอยติวก่อนสอบให้ ก็ผูกพันธ์กับเพื่อนกลุ่มนี้มากสุด แต่แอบงงเล็กน้อยตรงที่ว่าก่อนเข้ามา นึกว่าจะมีผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิงมากๆ แทบจะ 1/3 เลยทีเดียว ฮ่าๆ

เพื่อนบ้านรับน้อง

เพื่อนบ้านรับน้อง จะสนิทมากในช่วงแรกๆ แต่กลับโดนเรื่องเรียนมาแทรกในช่วงหลัง ทำให้ไม่มีเวลาเข้าไปพบปะ แต่ก็ยัง Keep contact ใน Facebook ตลอดเวลา หรือเพื่อนต่างคณะ จะได้รู้จักผ่านวิชาเลือกต่างๆ รวมถึงบ้านรับน้องด้วย ทำให้เรารู้เรื่องคณะอื่นๆผ่านเพื่อนๆเหล่านี้ได้

เพื่อนเล่นบาส

เพื่อนเล่นบาส เพื่อนกลุ่มนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อน ม.ปลาย ที่ลุยไปด้วยกัน เฮฮาตามภาษาเพื่อนชาย #เอ๊ะยังไง ได้ออกกำลังกาย จากการเรียนหนักๆเบื่อๆ ก็มาเล่นบาสกับเพื่อนๆที่ชอบเล่นบาสเหมือนกัน มันก็มีความสุขเนอะๆ อีกเรื่องคือ เราสามารถรู้จักเพื่อนต่างภาคในคณะวิทยาศาสตร์ที่เราอยู่ได้ดีขึ้นจากที่นี่ มีเรื่องพูดคุยที่หลากหลายกันมากขึ้น รู้ว่าภาคนี้ทำอะไรบ้าง เรียนอะไรบ้าง ได้ไปเที่ยวแข่งบาสกับคณะวิทยาศาสตร์ต่างมหาลัยฯบ้าง มี event เล่นบาสพี่น้องที่ต้องมาเจอกับรุ่นพี่ที่จบไปหลายๆปี บางรุ่นเป็นรุ่นพ่อแล้ว(รหัสนิสิต30) ยังมาเล่นได้อย่างกับหนุ่มๆเลยล่ะ แล้วก็มาเรียกแทนตัวเองว่า”พี่” เลยรู้สึกอบอุ่นมากๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนๆและพี่ๆชมรมฯ ,, ชีวิตเรามีทางเลือกให้เดินมากมาย.. อยู่ที่เราเลือกทางไหนจริงๆ..ทุกๆเส้นทางล้วนมีเสน่ห์.. มีความสุขแตกต่างกันไป แอบรู้สึกเสียดายที่ตลอดสี่ปีนี้ไม่ได้เล่นบาสกับคณะฯบ่อยๆทุกปีเพราะมีเส้นทางอื่นๆมาให้เราเลือกเดินแยกออกไป ขอบคุณอีกครั้งสำหรับมิตรภาพดีๆ ความรู้สึกดีๆ ของชมรมบาสคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 😀

รูปนี้เป็นวันที่เรานัดมาถ่ายรูปรวมรุ่นกันในชุดนิสิต เรารู้สึกใจหายมากที่คงจะไม่ได้เจอเพื่อนๆภาคคอม

ได้เยอะเท่านี้อีกแล้ว (นอกจากตอนรับปริญญาอีกรอบนึง) มันยากที่จะรวมกลุ่มเยอะขนาดนี้อีก

แต่เราไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจ เหมือนสมัยปัจฉิม ม.ปลาย ที่เราถึงขั้นร้องไห้กอดคอกับเพื่อนๆ

อาจเป็นเพราะเราเริ่มผู้ใหญ่ขึ้น อารมณ์เด็กๆเริ่มหายไปบ้าง แต่เรารู้สึกรักเพื่อนๆเหล่านี้จริงๆนะ CSCU17 ^^

ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆที่มีให้กันและกัน และขอโทษสำหรับการกระทำบางครั้งที่ทำให้โกรธเคืองกัน

ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจกับเพื่อนๆ อาจทำไปโดยไม่ทันคิด ยังไงก็ ขอบคุณและขอโทษนะเพื่อนๆทุกคน

ไม่ว่าเพื่อนคนไหนมีปัญหาอะไร โฟร์คนนี้ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือเสมอ อย่าลืมนึกถึงกันบ้างล่ะ 😉

ตลอดเวลา 4 ปี เร็วไปมั้ย?

มันไม่เร็วไป.. และไม่ช้าไป.. มันเป็น 4 ปีที่ คุ้มค่า เป็นช่วงชีวิตนึงที่น่าจดจำ แม้จะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งที่เราจะอยู่บนโลกนี้ก็ตาม

4 ปีนี้สอนเราให้มีความคิดที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะช่วงปี 4 ที่เรามีเวลา คุยกับตัวเองมากขึ้น

รู้สึกดีใจที่เราเลือกเรียนมาถูกทาง เลือกมาเรียนในสิ่งที่เราชอบ

กรอบความคิดที่เคยแคบๆ ของเราเริ่มขยายออกทุกๆปี

มีมุมมองการใช้ชีวิตที่อยากเป็นมากขึ้น มุมมองความรักเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

มุมมองการทำงานในสายที่ตัวเองได้เรียนมาเริ่มชัดเจนมากขึ้น

ทุกวิชาที่เรียนมา อาจจะไม่ได้ใช้ทั้งหมดแต่มันก็ทำให้กระบวนการคิดของเราดีขึ้น

ยังมีอีกหลายๆอย่างที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตลอด 4 ปี

เรารู้ตัวเองว่าเราไม่เก่งอะไรมากมาย แต่ตอน ม.ปลายนั้นเรายอมลดการเล่นเกม ยอมอ่านหนังสือ

ต้องขอขอบคุณตัวเองที่ยอมสู้เพื่อความฝันที่อยากเข้าคณะนี้ในตอนนั้น

เวลานึกย้อนไปตั้งแต่เราอ่านหนังสือสอบ จนเข้ามหาลัยฯ จนอยู่ปี 1 ผ่านมาหลากหลายวิชา

ก็ทำให้อึ้งตัวเองเหมือนกันว่า เหนื่อย+หนักขนาดนั้น เราผ่านมาได้ไง 😀

อนาคตเราจะเป็นยังไงต่อ?

four_chula_graduate_snow

จากนี้ไป เราก็คงรู้แล้วว่า ชีวิตมันจะต้อง อยู่ยาก มากกว่าเดิม แต่เราก็ต้องสู้ ทุกคนมีเป้าหมาย มีความฝันของตัวเอง เราก็เหมือนคนทั่วไปที่มีความฝันมากมาย แต่บางที ความฝันเหล่านั้น มันไม่สามารถทำได้ภายในเดือนเดียวปีเดียว

เราต้องระลึกเสมอว่า ถ้าชีวิตมันง่าย ป่านนี้คนประสบความสำเร็จก็มีล้นโลกแล้ว

อยากได้ความฝันที่ตัวเองวาดไว้ อยากมีชีวิตที่แสนสุขสบาย มันต้องแลกด้วยความอดทน ขยันทำงานทั้งนั้นแล่ะ ไม่ว่าสิ่งใด

ทุกครั้งที่เราท้อ เรามักจะชอบอ่าน “คำคมหรือประโยคดีๆ”  ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตลอด เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราสู้ มีแรงสู่เป้าหมายของเรา

#หาอ่านได้ตามเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์

สุดท้ายนี้ก็อยากให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต ตามความฝันของตัวเอง และ มี ประโยคเด็ดๆคอยให้กำลังใจตัวเอง อยู่เสมอนะครับ 😉

..

Life is short, Make it amazing.

ชีวิตนั้นสั้น จงทำให้มันโคตรดี

..

Facebook Comments